วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ริโอ เฟอร์ดินานด์


นับตั้งแต่ย้ายจากลีดส์ ยูไนเต็ด มาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2002 ริโอ เฟอร์ดินานด์ ก็กลายเป็นหัวใจในแนวรับของ "ปีศาจแดง" มาตลอด รวมถึงเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติอังกฤษด้วย
ชีวิตในวัยเด็กของ เฟอร์ดินานด์ ค่อนข้างจะยากลำบาก โดย จูเลี่ยน พ่อของเขาอพยพมาจากเซนต์ ลูเซีย ขณะที่ เจนิส ลาเวนเดอร์ เป็นแองโกล-ไอริช และพ่อแม่ของเขาไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกันมาก่อน อีกทั้งยังเลิกกันตั้งแต่ ริโอ ยังเป็นเด็กๆ ด้วย เขามีน้องชายและน้องสาวหลายคน รวมถึงน้องชายและน้องสาวอย่างละคนจากการแต่งงานใหม่ของแม่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าตระกูล เฟอร์ดินานด์ จะเป็นแหล่งผลิตนักฟุตบอลชั้นดีหลายคน โดย อันทอน เฟอร์ดินานด์ ซึ่งเป็นน้องชายของเขาเล่นให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ส่วน เลส เฟอร์ดินานด์ ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็เป็นถึงอดีตศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษมาแล้วเช่นกัน
เฟอร์ดินานด์ เริ่มต้นการเล่นในระดับเยาวชนให้กับควีนสพาร์ค เรนเจอร์ส (คิวพีอาร์) ตามด้วย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก่อนที่จะได้เลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของ "ขุนค้อน" และประเดิมสนามครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 1996 ในฐานะตัวสำรองในเกมที่เสมอกับ เชฟฟิลด์ เวนสเดย์ และในฤดูกาล 1997-98 เขาก็คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเวสต์แฮม ด้วยวัยเพียง 20 ปี
หลังจากนั้น เฟอร์ดินานด์ ก็ย้ายมาร่วมทีม ลีดส์ ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีก เมื่อเดือนพ.ย. 2000 ด้วยค่าตัวมหาศาล 18 ล้านปอนด์ (ราว 1,260 ล้านบาท) และทำให้เขากลายเป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก ก่อนที่กลายเป็นกัปตันทีม "ยูงทอง" ในเดือนส.ค. 2001
จากที่เคยเป็นขวัญใจของแฟนๆ ในถิ่นเอลแลนด์ โร้ด เฟอร์ดินานด์ ก็กลายเป็นคนทรยศในสายตาแฟนบอลลีดส์ ไปในทันทีที่ย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2002 ด้วยสัญญา 5 ปี เนื่องจากทั้งสองทีมถือเป็นคู่อริกันมานาน แต่ไม่วาจะอย่างไรก็ตาม เขาก็สร้างสถิติโลกในการเป็นกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลกขึ้นมาใหม่ด้วยมูลค่า 33 ล้านปอนด์ (ราว 2,310 ล้านบาท)
กว่า เฟอร์ดินานด์ จะทำประตูแรกให้ "ปีศาจแดง" ได้ ก็ต้องรอจนถึงวันที่ 14 ธ.ค. 2005 ในเกมที่ถล่ม วีแกน 4-0 แต่ประตูที่สำคัญที่สุดของเขาจนถึงเวลานี้ก็คงจะเป็นการทำประตูชัยได้ในนาทีสุดท้ายให้ทีมคว้าชัยเหนือ ลิเวอร์พูล ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในปีเดียวกัน
การทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจและคงเส้นคงวาทำให้ เฟอร์ดินานด์ ได้รับการคัดเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมปีศาจแดงอีก 7 คนในฤดูกาล 2005/06
เฟอร์ดินานด์ ทำประตูแรกในถ้วยยุโรปได้ในเกมที่พบกับ ดินาโม เคียฟ ในฤดูกาล 2007-08 ซึ่งแมนฯ ยูไนเต็ด ชนะไป 4-2 และในเกมเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ กับ พอร์ทสมัธ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2008 เซนเตอร์ฮาล์ฟตัวเก่ง ก็ต้องสวมบทนายทวารจำเป็น เมื่อ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม และ โทมัส คุซแซค โกล์มือ 2 ก็โดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถจะป้องกันลูกจุดโทษของ ซุลเลย์ มุนตารี่ ได้แม้จะพุ่งไปถูกทางก็ตาม ซึ่งผลจบลงด้วยความปราชัยของ "ปีศาจแดง" ด้วยสกอร์ 1-0
นอกจากผลงานที่คงเส้นคงวากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้ว เฟอร์ดินานด์ ยังเป็นนักเตะตัวหลักของทีมชาติอังกฤษมาตลอด ตั้งแต่เลื่อนจากทีมยู-21 ปี ขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 1997 โดยเขาลงสนามนัดแรกด้วยการเป็นตัวสำรองในเกมกระชับมิตรกับ แคเมอรูน เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 1997 และทำให้เขากลายเป็นกองหลังทีมชาติอังกฤษที่อายุน้อยที่สุดในวัย 19 ปี 8 วัน ก่อนที่สถิติดังกล่าวจะถูกทำลายโดย ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ในเวลาต่อมา
เฟอร์ดินานด์ พลาดการติดทีมชาติไปลุยศึกฟุตบอลโลก 1998 หลังจากโดนข้อหาเมาแล้วขับ แต่ในเวิลด์คัพ 2002 และ 2006 เขาก็เป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ และได้ลงสนามเป็นตัวจริงทุกนัด และเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2008 ที่ผ่านมา กองหลังปีศาจแดง ก็ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรก ในเกมนัดกระชับมิตรกับ ฝรั่งเศส ซึ่ง "สิงโตคำราม" แพ้ไป 0-1
สำหรับชีวิตส่วนตัว เฟอร์ดินานด์ มีลูกชายชื่อ ลอเรนซ์ ซึ่งเกิดจาก รีเบ็คก้า เอลลิสัน แฟนสาว เมื่อปี 2006 และในเดือนก.ค. 2007 เขาก็ได้ขอเธอแต่งงานที่ลาส เวกัส แม้จะยังมีข่าวลืออยู่เป็นระยะๆ ว่าเขาเป็นพวกรักร่วมเพศก็ตาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น